ข่าวสาร

### ตื่นตัวเมื่อมีสัญญาณเตือน: เรื่องราวของนักศึกษาเจอเส้นเลือดในสมองแตก เกิดเหตุการณ์น่าตื่นตระหนกกับนักศึกษาสาววัย 20 ปี ที่ต้องเผชิญกับอาการเส้นเลือดในสมองแตกโดยไม่ทันตั้งตัว เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอสังเกตเห็นความผิดปกติร่างกายขณะใช้งานมือถือ แต่กลับเลือกที่จะเพิกเฉย ไม่สนใจหรือรีบร้อนหาแพทย์ จนทำให้สภาพร่างกายแย่ลงถึงขั้นวิกฤต **สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม** โดยทั่วไปแล้ว อาการเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดในสมองแตกจะมีอาการหลายอย่าง เช่น - ปวดศีรษะอย่างรุนแรงแบบฉับพลัน - เดินเซหรือเสียการทรงตัว - พูดไม่ชัดหรือพูดยากขึ้น - แขนหรือขาอ่อนแรงครึ่งซีก - หน้าเบี้ยวหรือชาหรือแม้กระทั่งรู้สึกวิงเวียนศีรษะ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีความผิดปกติที่ระบบประสาทและหลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เนื้อเยื่อสมองถูกทำลายอย่างถาวร หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ **อาการที่เริ่มต้นจากการใช้งานมือถือ** ในกรณีนักเรียนคนนี้ เธอสังเกตเห็นว่าสมองเริ่มเบลอและเดินเซ แต่ก็เลือกที่จะจ้องหน้าจอโทรศัพท์ต่อไป โดยไม่ใส่ใจว่าสัญญาณที่ร่างกายส่งมาเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ อาการของเธอเริ่มแย่ลง จนไปถึงขั้นพูดยากและแขนอ่อนกำลัง ครอบครัวจึงตัดสินใจพาเธอไปโรงพยาบาล ซึ่งผลตรวจออกมาเป็นโรคหลอดเลือดในสมองแตกที่รุนแรง และต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉินทันที **รู้จักวิธีรับมือและลดความเสี่ยง** สิ่งที่สำคัญมากคือทุกคนควรต้องเข้าใจวิธีการรับมือกับโรคนี้ เมื่อเห็นใครที่มีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษาคือภายใน 4 ชั่วโมงครึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูและลดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบประสาท นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การออกกำลังกาย, การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้อีกทางหนึ่ง **บทเรียนที่ทุกคนควรรู้** เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ติดอยู่กับการใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ ว่าอย่ามัวแต่จ้องหน้าจอต่อเนื่อง หากรู้สึกว่าร่างกายมีสัญญาณเตือน ต้องหยุดพักและสังเกตตัวเอง อย่าปล่อยผ่าน เพราะสุขภาพนั้นสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด การดูแลตัวเองเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตที่ยาวนานและมีสุขภาพดีครับ!